แครนเบอร์รี่ ประโยชน์สุขภาพดีที่แสนอร่อย

แครนเบอร์รี่ (Cranberries) เป็นผลไม้ที่จัดอยู่ในกลุ่มไม้ล้มลุกที่ขึ้นอยู่กันเป็นพุ่มขนาดเล็ก ใบมีรูปทรงรี ขนาดเล็ก โดยปกติแล้วใบจะมีสีเขียว แต่เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วงจะผลัดใบและกลายเป็นสีแดง ผลมีลักษณะทรงกลมเล็กๆ ออกผลเป็นพวง ผลอ่อนจะมีสีเขียว

ส่วนผลสุกนั้นจะมีสีแดงสด ด้านในมีเนื้อสีขาว รสชาตเปรี้ยวอมฝาดและมีกลิ่นหอม นอกจากนี้ยังมีเมล็ดแข็งเล็กๆ ทรงรีอยู่ด้านใน แครนเบอร์รี่เป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่นิยมนำมาใส่ลงในขนมเบเกอร์รี่ เพื่อให้ได้ทั้งสีสันและรสชาติที่หอมอร่อย

นอกจากนี้แครนเบอร์รี่ ยังถูกจัดว่าเป็นผลไม้สมุนไพรเช่นกัน เนื่องจากว่ามีวิตามิน และแร่ธาตุต่างๆที่ร่างกายต้องการ ดังนั้นจึงมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เช่น

1. ช่วยดูแลรักษาช่องปาก ช่วยดูแลให้เชื้อจุลลินทรีย์ภายในช่องปากอยู่ในระดับปกติ เพื่อลดปัญหาทางช่องปากเช่น โรคเหงือกอักเสบ เป็นต้น
2. ช่วยรักษาโรคที่เกิดจากทางเดินปัสสาวะเช่น ลดการติดเชื้อที่ท่อปัสสาวะ ปัสสาวะขัด ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เพราะช่วยลดจำนวนของแบคทีเรียในปัสสาวะ และยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
3. มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งเชื้ออีโคไลในผู้หญิง ซึ่งเชื้อชนิดนี้นำไปสู่โรคได้เช่น โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาหารเป็นพิษ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือติดเชื้อในกระแสเลือด

4. ช่วยรักษาและป้องกันการเกิดโรคนิ่วในไต เนื่องจากมันมีกรดอ่อนๆ ในการไปสลายนิ่ว
5. สารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินซีที่สูงมากจึงช่วยดูแลผิวพรรณ ชะลอวัย ลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยลดการอักเสบของเซลล์ต่างๆ ทำให้ร่างกายแข็งแรงอีกด้วย
6. ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งต่างๆ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ มะเร็งรังไข่ มะเร็งต่อมลูกหมาก และช่วยลดอัตราการขยายตัว รวมถึงกลายพันธุ์ของเซลล์มะเร็งได้
7. ช่วยลดไขมันและคอลเลสเตอรอลในร่างกาย ซึ่งลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคความดัน หรือไขมันในเส้นเลือด เป็นต้น

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าแครนเบอร์รี่ จะมีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก แต่ก็ควรบริโภคในปริมาณที่พอดี เพราะถ้าบริโภคในปริมาณที่มากจนเกินไปอาจจะเกิดอาการปวดท้องหรือท้องเสียได้

นอกจากนี้บุคคลที่ป่วยเยื่อบุกระเพาะอาหารอักเสบ ผู้ที่มีกรดในกระเพาะต่ำ ผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้ที่รับประทานยาวาร์ฟาริน ผู้ที่แพ้ยาแอสไพริน ห้ามรับประทานโดยเด็ดขาด อีกทั้งสตรีมีครรภ์ ให้นมบุตร และเด็ก ก็ไม่ควรบริโภคเช่นกัน